ความรู้ที่ได้รับ
ในการเรียนการสอนสำหรับวันนี้อาจารย์ให้นักศึกษานำเสนอการทดลองของแต่ละกลุ่มที่เตรียมมาซึ่งก่อนจะทำการทดลองอาจารย์ได้อธิบายอุปกรณ์ที่จะนำมาทดลองเราจะสอนเด็กให้รู้จักสิ่งต่างๆรอบตัว เราต้องนำอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายโดยไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องลงทุน อุปกรณ์ทุกอย่างการได้นำมาใช้ต้องมากกว่า 1 ครั้งและจะต้องสอดคล้องกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 13 ทักษะ
👱ขั้นตอนการทดลอง
1.สิ่งที่มีปัญหาหรือสิ่งที่อยากจะศึกษา
2.การตั้งสมมติฐาน การพยากรณ์หรือการคาดการณ์
3.การทดลอง ลงมือปฏิบัติ ( กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 13 ทักษะ )
4.สรุปผลการทดลอง
หลังจากนั้นอาจารย์ให้นักศึกษามานำเสนอการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยเรียงลำดับเป็นกลุ่ม
💗กลุ่มที่ 1 การทดลองลูกโป่งพองโต
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวนภัสสร ก้านอินทร์
2.นางสาวพรรณทิภา มามุ้ย
3.นางสาวนันทกา เนียมสูงเนิน
4.นางสาวชนม์นิภา อินทจันทร์
5.นางสาวศรสวรรค์ เทพยศ
💦อุปกรณ์
1.ลูกโป่งหลายใบ(ก่อนทดลองควรเป่าลมให้ลูกโป่งยืดออก)
2.เบกกิ้งโซดา
3.น้ำ
4.ถ้วยหรือชามเล็ก
5.ขวดแก้วปากแคบ
6.กรวยกระดาษหรือพลาสติก
7.กรดมะนาว
8.ช้อนชา
9.ถ้วยตวงขนาดเล็ก
💦ขั้นตอนการทดลอง
1.ใช้ปากกาเคมีขีดข้างถ้วยตวงที่ขีด 50 ซีซี เพื่อให้เด็กรู้ปริมาตรของน้ำที่ต้องเติม จากนั้นเทผงยาลดกรดลงในถ้วย
2.เติมน้ำลงไปในขั้นตอนแรกให้เปรียบเทียบปริมาณก๊าซ CO 2 ที่เกิดขึ้นจากสารชนิดเดียวแต่มีปริมาณแตกต่างกัน โดยให้เด็ก
กลุ่มที่ 1 เทมะนาวเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาลงในขวดใบที่ 1
กลุ่มที่ 2 เทมะนาวเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชาลงในขวดใบที่ 2
กลุ่มที่ 3 เทมะนาวเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนชาลงในขวดใบที่ 3
3.เทน้ำปริมาณเท่ากันลงในขวดแต่ละใบ แล้วรีบนำลูกโป่งมาครอบปากขวดให้แน่น โดยให้เด็กหนึ่งคนจับขวดไว้ ส่วนอีกคนรีบนำลูกโป่งมาครอบปากขวด แล้วเขย่าขวดเบาๆ
4.สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของลูกโป่ง ลูกโป่งบนขวดใบไหนพองมากที่สุด และเทผงยาลดกรดลงไปเท่าไร เพื่อป้องกันการสับสน ให้เขียนป้ายแสดงปริมาณยาลดกรดที่ใส่ติดไว้ข้างขวด
นอกจากผงยาลดกรด อาจใช้ผงฟู หรือสารละลายกรด มะนาวเบกกิ้งโซดา (อัตราส่วน3:1)มาทดลองแทนได้
💦สรุปผลการทดลอง
สารที่นำมาทดลองนั้น ( ผงฟู ยาลดกรดชนิดผง และกรดมะนาวผสมเบกกิ้งโซดา)มีเบกกิ้งโซดา และกรดผสมอยู่ ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวดูได้จากฉลากบนบรรจุภัณฑ์ โดยในยาลดกรดชนิดผงจะมีกรดมะนาวผสมอยู่ ส่วนผงฟูมีกรดชนิดอื่นผสม ก๊าซ CO2จะเกิดขึ้นเมื่อน้ำผสมกับสาร ปฏิกิริยาเคมีระหว่างเบกกิ้งโซดากับกรดจะเกิดขึ้นเมื่อสารทั้งสองชนิดละลายอยู่ในสารละลายกรดหรือมีกรดเจอปนอยู่ เช่น น้ำมะนาว น้ำผลไม้รสเปรี้ยว
ปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารตั้งต้นหลายชนิดที่แตกต่างกันทำให้ได้ผลไม้ที่แตกต่างกัน สำหรับการทดลองนี้ ผลที่เกิดจากเบกกิ้งโซดาและกรดมะนาวคือ ก๊าซ CO2 เมื่อสารตั้งต้นถูกใช้จนหมด ปฏิกิริยาเคมีก็จะหยุดเช่นกัน เมื่อเทน้ำมะนาวลงในผงฟูแทนน้ำ จะเกิดฟองก๊าซฟูขึ้นอย่างรุนแรง เพราะสารละลายกรดเข้มข้นมากกว่า
เมื่อปล่อยก๊าซ CO2ลูกโป่งจะตกสู่พื้นดินเร็วกว่าลูกโป่งที่เป่าอากาศเข้าไป เนื่องจากก๊าซ CO2มีน้ำหนักมากกว่าอากาศ
👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾
💗กลุ่มที่ 2 การทดลองภูเขาไฟ
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวเบญจวรรณ ปานขาว
2.นางสาวชนิตา โพธิ์ศรี
3.นางสาวชฎาพร คำผง
4.นางสาวปิยาภรณ์ วงษ์ป้อม
5.นางสาวชลิตา ภูผาแนบ
💦อุปกรณ์
1.เบกกิ้งโซดา
2.น้ำส้มสายชู
3.สีผสมอาหาร
4.ดินน้ำมัน
5.แก้วพลาสติก
1.เทน้ำส้มสายชูประมาน 1 ส่วน 3 ของแก้ว ลงไปในปล่องภูเขาไฟ
2.เติมเบกกิ้งโซดาลงไปในปล่องภูเขาไฟ
3.สังเกตการเกิดฟองออกมาจากปล่องภูเขาไฟ
💦สรุปผลการทดลอง
การทดลองกิจกรรมภูเขาไฟระเบิดโดยใส่สารต่างๆตามวิธีของตนเอง ว่าจะใส่สารอะไรก่อนหลัง เช่น ใส่เบกกิงโซดา น้ํายําล้างจาน สีผสมอาหาร จะทำให้เกิดฟองไหลออกมาจาก ปล่องภูเขําคล้ายลาวา ในลาวาที่ไหลออกมาเกิดจากเบกกิงโซดําผสมกับของเหลวจนเกิดเป็นก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์
👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾
👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾
💗กลุ่มที่ 3 การทดลองการแยกเกลือกับพริกไทย
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์
2.นางสาวจิรกิตติ์ ถิ่นพันธ์
3.นางสาวขวัญฤทัย นีลวัณโณ
4.นางสาวกัลยกร เกิดสมบูรณ์
5.นางสาวธัญญลักษณ์ บุญเรียง
💦อุปกรณ์
1.ผ้าขนสัตว์ (ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เป็นต้น)
2.เกลือเม็ด ขนาดปานกลาง
3.พริกไทยป่น
4.ชามใบเล็กหรือจานลอง 2 ใบ
5.วัสดุสังเคราะห์( เช่นช้อนพลาสติก )
💦ขั้นตอนการทดลอง
1.นำเกลือและพริกไทยผสมกันในจาน
2.นำช้อนพลาสติกา ถูผ้าขนสัตว์
3.ถือช้อนไว้เหนือส่วนผสมของพริกไทยและเกลือ และอย่าถือช้อนใกล้กับส่วนผสมมากจนเกินไป
💦สรุปผลการทดลอง
เมื่อเกิดการเสียดสีอิเล็กตรอนจากทอขนสัตว์จากเคลื่อนที่ไปยังพื้นผิวของช้อนพลาสติก (เกิดการถ่ายเทประจุ) ช้อนพลาสติกจึงมีสถานะทางไฟฟ้าเป็นลบ ส่วนผ้าขนสัตว์มีสถานะทางไฟฟ้าเป็นบวก เพราะ สูญเสียอิเล็กตรอนวัสดุที่มีไฟฟ้าสถิตสามารถทำให้เกิดการเครื่อรย้ายของประจุไฟฟ้าในวัสดุอีกวัสดุหนึ่งที่เป็นกลางได้ เช่น ผงเครื่องปรุงเกลือและพริกไทย เนื่องจากการเคลื่อนตัวของอิเล็กตรอนจากอะตอมทุกๆอะตอมไปยังอีกด้านหนึ่ง
ผงปรุงด้านที่อยู่ใกล้จึงมีสถานะทางไฟฟ้าเป็นลบ และพื้นผิวด้านไกลเป็นบวก ช้อนจึงดึงดูดด้านบวกของเม็ดพริกไทยขึ้นมาติดกับผิวช้อนซึ่งมีสถานะทางไฟฟ้าเป็นลบ
👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾
💗กลุ่มที่ 4 การทดลองลูกข่างหลากสี( การทดลองเชิงสื่อ )
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวกนกอร เกาะสังข์
2.นางสาวชลิดา ทารักษ์
3.นางสาวดวงกมล สิทธิฤทธิ์
4.นางสาวดาวจุฬา สินตุ้น
💦อุปกรณ์
1.กระดาษสีขาวและกระดาษสี
2.แผ่นซีดี
3.ดินน้ำมัน
4.ลูกแก้ว
5.กรรไกร
6.กาวแท่ง
7.ดินสอและปากกาเคมี
💦ขั้นตอนการทดลอง 1.ใช้แผ่นซีดีเป็นแบบวาดวงกลมลงบนกระดาษ
ตัดออกมาระบายสีลงบนแผ่นกระดาษวงกลม
2.ระบายสีตกแต่งลูกข่างกระดาษด้วยสีที่เทียนเมื่อลูกข่างหมุนจะเกิดเป็นการผสมสี
3.ใช้กาวติดแผ่นซีดีกับแผ่นกระดาษวงกลมที่ระบายสี
4.เจาะรูบนกระดาษให้ตรงกับตำแหน่งของรูบนแผ่นซีดีวางแก้วบนรู้แผ่นซีดียึดให้แน่นด้วยดินน้ำมันหรือกาวร้อน
💦สรุปผลการทดลอง
การทดลองนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถเพื่อให้ลูกข่างแผ่นซีดีหมุนอยู่กับที่ให้วางแผ่นซีดีในรูของแผ่นซีดีเปล่าทำให้เราเห็นสีต่างๆเนื่องจากเซลล์รับรู้ของตาเราไวต่อแสงสี 3 สีหลัก ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียว ถูกกระตุ้นถ้ามีสีหลากหลายสีเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราไม่สามารถแยกสิ่งต่างๆได้ทันจึงเห็นสีต่างๆผสมเป็นสีเดียวกัน
💗กลุ่มที่ 5 การทดลองมาสนุกกับฟองสบู่
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวศิริเมษา ทักษิณ
2.นายนภสินธุ์ พุ่มพุฒ
3.นางสาวสาธินี จันทรามาศ
4.นางสาวสุธิดา ยศรุ่งเรือง
💦อุปกรณ์
1.ชามขนาดใหญ่และเติมน้ำให้เต็ม
2.ภาชนะพร้อมฝาปิด (ไม่ควรใช้ขวดน้ำ)
3.น้ำยาล้างจาน
4.น้ำ
5.หลอดดูด 2 หลอด
💦ขั้นตอนการทดลอง
1.การผสมน้ำสบู่ใช้ส่วนผสมนี้ น้ำยาล้างจาน 1 ส่วน และน้ำ 4 ส่วน (รูปที่ 2) หรืออาจผสมน้ำสบู่ด้วยอัตราส่วนอื่นได้ ถ้ามี กลีเซอรีน ก็สามารถเพิ่มปริมาณน้ำยาล้างจานเพิ่มขึ้นได้ ข้อสำคัญคือ น้ำสบู่ที่ใช้ต้องสามารถทำให้เกิดฟองได้ดี เพื่อให้เห็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้น หรือสารละลายน้ำสบู่สำเร็จรูปมาใช้ในการทดลอง แต่ต้องทดลองด้วยตัวเองก่อนที่จะนำมาให้เด็กๆทดลอง
2.คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดฟองมาก และวางทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
3.ลองนำหลอดดูดมาเป่าน้ำในชาม
💦สรุปผลการทดลอง
น้ำประกอบไปด้วยโมเลกุลเล็กๆจำนวนมากซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โมเลกุลของน้ำจะซ้อนทับกัน และยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงพันธะไฮโดรเจน จับตัวกันเป็นผิวน ซึ่งเท่อถูกอากาศที่เป่าลงไปดันขึ้น โมเลกุลของน้ำจับตัวกันแน่นทำให้เกิดแรงตึงผิว เป็นผลทำให้ฟองซึ่งเกิดจากการเป่าในน้ำนั้นแตกอย่างรวดเร็ว
สารบางชนิดในชนิดสบู่ทำให้ผิวของน้ำสามารถยืดหยุ่นได้เช่นเดียวกับยาง ทั้งยังสามารถดึงให้ยืดยาวและพองโตขึ้นได้โดยไม่แตก “ทำไมจึงมองเห็นผิวของฟองสบู่มีสีแตกต่างกัน” คำถามนี้อธิบายได้ว่า แสงไม่ได้มีสีขาวแต่เกิดจากแสงสีหลายสีรวมกัน (สีรุ้ง) สีที่เห็นบนฟองสบู่เกิดจากส่วนหนึ่งขอองแสงส่องผ่านผิวฟองสบู่ จึงเห็นเป็นแสงสีต่างๆ ตัวอย่างเช่น การเห็นสีแดงบนฟองสบู่นั้นเกิดจากแสงสีอื่นถูกดูดกลืนไว้และสะท้อนแสงสีแดงออกมา เราจึงเห็นเป็นแสงสีแดง
👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾
💗กลุ่มที่6 การทดลองภาพเคลื่อนไหวในแสงสีแดงและสีเขียว
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวอภิญญา แก้วขาว
2.นางสาวปทุมแก้ว ขุนทอง
3.นางสาวปุณยวีร์ ยานิตย์
4.นางสาวอรนภา ขุนวงค์ษา
💦อุปกรณ์
1.แผ่นใสสีแดงและสีเขียว
2.เทปกาว
3.กรรไกร
4.ปากกาเคมีหรือดินสอสีแดงและสีเขียว
💦ขั้นตอนการทดลอง
1.เปรียบเทียบสีของปากกาเคมีและแผ่นใสที่ใช้ให้กลมกลืน ลองขีดเส้นด้วยปากกาเคมีสีแดง เมื่อวางแผ่นใสสีแดงทาบลงไป จะต้องมองไม่เห็นเส้นสีแดง แต่เมื่อมองผ่านแผ่นใสสีเขียวจะต้องเห็นเส้นสีแดงได้ชัดเจน
2.จากนั้นลองขีดเส้นด้วยปากกาเคมีสีเขียว เมื่อวางแผ่นใสสีเขียวทาบลงไป เราจะมองไม่เห็นเส้นสีเขียว แต่จะมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อมองผ่านแผ่นใสสีแดง ถ้าหาปากกาเคมีสีเขียวที่กลมกลืนกับแผ่นใสสีเขียวไม่ได้ อาจใช้แค่ปากกาเคมีสีแดงสีเดียวก็ได้
3.ตัดแผ่นใสสีแดงและสีเขียวให้มีขนาดเท่ากับไปรษณียบัตรวางแผ่นใสสีแดงและสีเขียวชิดกัน ติดด้วยเทปกาวใส ตัดทั้งสี่มุมให้มน
4.วาดภาพง่ายๆด้วยปากกาเคมีสีดำ เช่น รูปใบหน้าคน ลงบนกระดาษสีขาว ภาพที่วาดไม่ควรมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นใสสีเขียวแดงที่เตรียมไว้
- ใช้ปากกาเคมีสีแดงเติมรายละเอียดลงไปในภาพ เช่น แลบลิ้น เป็นต้น
- นำแผ่นใสสีเขียว แดง ที่ทำไว้มาวางบนภาพ และเลื่อนไปมาในแนวตั้งหรือแนวนอน
5.วาดภาพแบบอื่นๆด้วยปากกาเคมีสีดำ เติมรายละเอียดของภาพที่เคลื่อนไหวไปมาด้วยปากกาเคมีสีแดง เช่น
- เทียนสีดำกับเปลวไฟสีแดง
- หมวกสีดำกับกระต่ายสีแดง
- มังกรสีดำกำลังพ่นไฟสีแดง
•อาจใช้ปากกาเคมีสีเขียววาดรายละเอียดของภาพที่เคลื่อนไหวได้เช่นกัน
💦สรุปผลการทดลอง
เรามองเห็นภาพที่วาดด้วยปากกาเคมีสีดำผ่านแผนใสทั้งสองสี แต่รายละเอียดของภาพที่ใช้แสดงการเคลื่อนไหวต้องวาดด้วยสีแดงหรือสีเขียวเท่านั้น เราไม่สามารถสร้างการเคลื่อนไหวจากสีทั้งสองสีพร้อมกันได้
เมื่อวางแผ่นใสสีแดงลงบนกระดาษสีขาว จะเห็นกระดาษเป็นสีแดงถ้าวาดภาพบนกระดาษสีแดงด้วยปากกาเคมีสีแดงจะเห็นเหมือนกับว่าใช้ปากกาเคมีสีแดงวาดรูปลงบนกระดาษสีแดง สีของภาพและกระดาษเหมือนกันเราจึงมองไม่เห็นภาพที่วาด ซึ่งจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับแผ่นใสสีเขียวและปากกาเคมีสีเขียว
แผ่นใสสีเขียวดูดกลืนแสงที่สะท้อนมาจากสีแดง ดังนั้นเมื่อมองผ่านแผ่นใสสีเขียว เราจึงเห็นสีแดงเป็นสีดำ
สีแดงและสีเขียวเหมาะสำหรับศึกษาเรื่องการมองเห็นสี เพราะเป็นสีตรงกันข้าม เนื่องจากส่วนผสมของสีแดงและสีเขียวไม่มีส่วนที่เหมือนกัน
👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾👾
หลังจากที่แต่ละกลุ่มได้นำเสนอการทดลองอาจารย์ได้ให้คำแนะนำวิธีการจัดเตรียมหรือเพิ่มขั้นตอนตรงไหนบ้างเพื่อที่จะนำไปทดลองให้กับเด็กที่ซอยเสือใหญ่ซึ่งสิ่งที่ทุกกลุ่มต้องเตรียมอุปกรณ์
1.ผ้าลองอุปกรณ์การทดลอง
2.ที่ใส่อุปกรณ์ ( ตะกร้า )
3.แผ่นชาร์ต ( ขั้นตอนการทดลอง )
อาจารย์ได้ให้เพื่อนเพื่อนในห้องแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงในการออกมานำเสนอในแต่ละกลุ่ม
❤️❤️การมีส่วนร่วมของเพื่อนที่จะออกไปทดลองด้วย อย่างเช่น การพูดคุย ถาม-ตอบ จากความรู้เดิม ควรใช้คำถามแบบปลายเปิด เช่นทำไม เพราะอะไร. เกิดขึ้นอย่างไร How to .... ?
❤️❤️ขั้นตอนของการปฏิบัติให้ชัดเจน
❤️❤️จัดสภาพแวดล้อมเตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
เมื่อทุกกลุ่มได้อัดคลิปวิดีโอการทดลองเสร็จแล้วอาจารย์ได้ให้แต่ละกลุ่มเปิดคลิปวิดีโอดูเพื่อที่จะบอกถึงการปรับปรุงของแต่ละกลุ่มให้ทุกคนได้เข้าใจตรงกัน
บรรยากาศในห้องเรียน
💜💛คำศัพท์💛💜
1.Test การทดลอง
2.Volcano ภูเขาไฟ
3.Balloons ลูกโป่ง
4.Comment แสดงความคิดเห็น
5.Soap bubbles ฟองสบู่
การประเมิน
ประเมินตนเอง 👱 วันนี้ได้ความรู้เกี่ยวกับการนำเสนอการทดลองเป็นกระบวนการที่สมบูรณ์และชัดเจนมีการแสดงความคิดเห็นในแต่ละกลุ่มของเพื่อน แล้ววันนี้ได้ออกไปนำเสนอการทดลองทำให้ตนเองได้มีความมั่นใจมากขึ้น
ประเมินเพื่อนร่วมห้อง 👱 เพื่อนๆในแต่ละกลุ่มตั้งใจทดลองของกลุ่มตนเองและตั้งจัยรับฟังความคิดเห็นในการปรับปรุงของอาจารย์และของเพื่อนในห้องเรียนสามารถนำไปปรับใช้เมื่อเราไปทดลองให้เด็กได้
ประเมินอาจารย์ 👱 อาจารย์ได้พูดถึงกระบวนการทดลองได้ชัดเจนและได้บอกเป็นขั้นตอนเพื่อที่จะนำการทดลองไปปรับใช้กับเด็กทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นและอาจารย์ได้กระตุ้นให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักศึกษาเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น